Ads 468x60px

ท่าอุเทนเมืองธรรมมะ พระธาตุสูงงาม แม่น้ำสองสี ไดโนเสาร์ล้านปี ประเพณีไทญ้อ
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ต้นตะเคียน แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ต้นตะเคียน แสดงบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดีที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2560

พบสุสานโบราณอายุ 200 ปี ริมฝั่งแม่น้ำโขง ท่าอุเทน นครพนม




พบสุสานโบราณอายุ 200 ปี ริมฝั่งแม่น้ำโขง ท่าอุเทน นครพนม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สืบเนื่องจากช่วงต้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา มีการค้นพบต้นไม้ตะเคียนอายุกว่า 100 ปี จมอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง บ้านท่าดอกแก้วเหนือหมู่ 6 ต.ท่าจำปา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ซึ่งบริเวณนั้นจากคำบอกเล่าของชาวบ้านให้รายละเอียดว่า เป็นป่าช้าเก่าตั้งแต่บรรพบุรุษยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ อายุสองร้อยปีขึ้น มีหลุมฝังศพเป็นร้อยหลุมเรียงรายกันอยู่ในนั้น





ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปกราบนมัสการพระครูประทีปจันทโรภาส หรือ ครูบาเทิบ เจ้าคณะตำบลท่าจำปา และเจ้าอาวาสวัดท่าดอกแก้วเหนือ โดยมีนางรุ่งรัตน์ ประดิษฐ์บุญ ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมกันให้รายละเอียดว่า หมู่บ้านท่าดอกแก้ว เป็นชนพันธุ์เผ่าไทญ้อ ถิ่นฐานเดิมอยู่ที่เมืองหงสาวดี ตอนเหนือของเมืองหลวงพระบาง ราชอาณาจักรลาว ในสมัยเจ้าอนุวงศ์เป็นผู้ครองนครเวียงจันทน์ ตรงกับปีจุลศักราช 1170 (พ.ศ.2351) รัชสมัยแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์จักรี รัชกาลที่ 1 ปรากฏเกิดเหตุการณ์ทางการเมือง จึงอพยพล่องเรือมาตามลำแม่น้ำโขง จนมาพบชัยภูมิที่เหมาะสมจึงพากันตั้งถิ่นฐาน ภายหลังตั้งชื่อเมืองที่สร้างใหม่แห่งนี้ว่า “เมืองไชยสุทธิอุตตะมะบุรี” ปัจจุบันคือ ต.ไชยบุรี อ.ท่าอุเทน





ครูบาเทิบเล่าต่อว่า หลังตั้งหมู่บ้านแล้วเวลามีคนเสียชีวิต จะนำศพใส่เรือพายทวนน้ำขึ้นไปฝังที่ป่าช้า ห่างจากชุมชนประมาณ 2 กม. ใช้วิธีเสี่ยงด้วยการเอาข้าวเหนียวห่อไข่ไก่ มีผู้ทรง (หมอผี)เป็นผู้เสี่ยงทาย หากศพต้องการจะอยู่ตรงไหนให้โยนไข่ตกลงมาแตก ถ้ายังไม่แตกก็จะโยนเสี่ยงทายไปเรื่อยๆ จนกว่าจะแตก แสดงว่าคนตายต้องการอยู่ตรงนี้ จากนั้นขุดหลุมลึกไม่เกิน 2 เมตร นำร่างที่ห่อหุ้มด้วยเสื่อวางก้นหลุมแล้วกลบฝัง นำไม้ไผ่ผ่าซีกยาวประมาณ 50 ซม. มัดคล้ายรูปกากบาทปักครอบหลุมศพไว้ ชาวบ้านเรียก “ปักขวัก” เพื่อป้องกันสัตว์ป่ามาคุ้ยเขี่ย แล้วนำของใช้ประจำวัน เช่น หม้อ ไห ถ้วย ชาม เสื้อผ้า ฯลฯ วางไว้รอบหลุมฝังศพ ตามคติความเชื่อสำหรับคนตายเอาไปใช้ในภพหน้า ปัจจุบันป่าช้าแห่งนี้ไม่ได้ใช้ในพิธีศพอีกแล้ว เพราะในหมู่บ้านเปลี่ยนจากฝังมาเป็นเผาศพแทน จึงปล่อยเป็นป่าช้าร้างปกคลุมด้วยไม้เบญจพรรณหนาแน่น โดยมีร่างของบรรพบุรุษนอนอยู่ในนั้นมากมาย





นางรุ่งรัตน์ ประดิษฐ์บุญ ผู้ใหญ่บ้าน พร้อมลูกบ้านประกอบด้วย นายวิเชียร ท่าเข อายุ 60 ปี ปัจจุบันเป็น ส.อบต.ท่าจำปา นายรากรี จันทะขิน อายุ 80 ปี พาเดินทางไปยังป่าช้าโบราณ ซึ่งมีเนื้อที่ทั้งสิ้น 36 ไร่ เป็นป่าชุมชนชาวบ้านใช้ประโยชน์ร่วมกัน โดยรอบป่าไม้จังหวัดนครพนมมอบเสารั้วกั้นเป็นอาณาเขต โดยนายวิเชียรเปิดเผยว่าภายในมีหลุมฝังศพกระจัดกระจายอยู่เต็ม ร่องรอยต่างๆ ยังพอมีให้เห็น แต่ตอนนี้เศษใบไม้หล่นปกคลุมหนา ต้องรอช่วงหน้าฝนใบไม้ถูกย่อยสลายด้วยน้ำฝนจนเปื่อยยุ่ย ก็จะเห็นข้าวของเครื่องใช้โผล่จากพื้นดินชัดเจน ถ้าเห็นของจำพวกนี้ก็จะรู้ว่าบริเวณนั้นมีศพฝังอยู่





ชาวบ้านที่เข้าไปหาของป่าจะรู้พิกัดเป็นอย่างดี หากเข้ามาลึกถึงสุสานโบราณจะล่าถอย เพราะเกรงกลัวอาถรรพ์ลี้ลับ บ่อยครั้งเวลาเย็นๆ จะได้กลิ่นหอมคล้ายคนปรุงอาหารโชยออกมาจากป่าช้าประจำ หรือเวลาเข้าไปหาของป่าจะได้กลิ่นหอมของดอกไม้แตะจมูกเสมอ




ขอบคุณที่มาจาก
http://www.matichon.co.th

http://www.banmuang.co.th

วันพุธที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2558

แกะสลักตะเคียนยักษ์สวยงามมาก บ้านแพง




แกะสลักตะเคียนยักษ์สวยงามมาก

ฮือฮา เจ้าคณะอำเภอบ้านแพง จ.นครพนม นำตะเคียนยักษ์ 2,000 ปี แกะสลักแฝงปริศนาธรรม กลายเป็นข่าวฮือฮา เป็นที่สนใจของประชาชน นักท่องเที่ยวภายหลังพระครูปิยคามเขตคณาภิรักษ์.ดร. (จอ.ชพ.) หรือพระอาจารย์จินดา อายุ 45 ปี เจ้าคณะอำเภอบ้านแพง จ.นครพนม เจ้าอาวาสวัดปทุมมารามบ้านนาเข หมู่ 1 ต.นาเข อ.บ้านแพง จ.นครพนม





ได้มีไอเดียนำต้นไม้ตะเคียนทองยักษ์ อายุราว 2,000 ปี ขนาดความยาวประมาณ 20 เมตร เส้นรอบวงโคลนต้น ประมาณ 5 เมตร ซึ่งเป็นไม้ตามความเชื่อว่า มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทวดาอารักษ์ปกปักษ์รักษา รวมถึงมีนางตะเคียน สิงสถิต มาเก็บรักษาไว้ภายในวัด





พร้อมออกแบบจากแนวความคิด ให้ช่างแกะสลักไม้มาแกะสลักเป็นภาพนูนสูง ตลอดลำต้นไม้ตะเคียนยักษ์ ประกอบด้วย รูปพระพุทธเจ้าปางปรินิพพาน 2 ด้าน รวมไปถึงภาพภาพพุทธประวัติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในการออกผนวช แสดงธรรมเทศนาโปรดมนุษย์ ผสมผสานกับภาพสัตว์ในวรรณคดี รวมถึงหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา ไปจนถึงการเวียนว่ายตายเกิดของมนุษย์ สอดแทรกด้วย ภาพสัจธรรมของชีวิต ที่ปัจจุบันกำลังยึดติดกับเทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้า ที่จะเป็นสื่อให้ประชาชน





นักท่องเที่ยว ได้มา กราบไหว้ เพราะยังเชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของต้นตะเคียน ควบคู่กับการชื่นชมลวดลายแกะสลัก แฝงสั่งสอนด้วยปริศนาธรรมในตัว ที่สำคัญยังเป็นการสร้างจิตสำนักให้คนเห็นความสำคัญของพระพุทธศาสนา เนื่องจากปัจจุบันคนในสังคมกำลังหลงอยู่กับอบายมุข โดยในการแกะสลักจะเน้นให้มีความสวยงามแบบธรรมชาติ และลงตัวกับสภาพของต้นตะเคียนทองยักษ์ให้มากที่สุด



______________________________


ที่มาจากนครสารออนไลน์


เรียบเรียงโดย ไทท่าอุเทน


______________________________