วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 61 ที่ทำการทางยุทธวิธีกองกำลังสุรศักดิ์มาตรี กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 237 ต.ไชยบุรี อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม พล.ต.สัญชัย รุ่งศรีทอง ผบ.กกล.สุรศักดิ์มนตรี ผอ.ศอ.ปส.ชอน.บ. พล.ร.ต.พิสิษฐ์ ทองดีเลิศ ผบ.นรข. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผบก.ปส.2 บช.ปส. พล.ต.ต สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผบก.ภ.จว.นพ. ว่าที่ร้อยตรี ภูมิศักดิ์ ขำปู่ นายอำเภอท่าอุเทน พ.ต.ท.ทวี ภาน้อย ผบ.ร้อย ตชด.237 พร้อมทหารกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ฝ่ายปกครอง และ ฝ่ายความมั่นคงตามแนวชายแดน ตามที่กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 2 กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด มีภารกิจปิดล้อมตรวจค้นเพื่อทำการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ เลขที่ 77 /2561 ลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 61 นายสุริยันต์ บุญเทียม อายุ 32 ปีในข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (แมทแอมเฟตามีนหรือไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่สามารถจับยาไอซ์กว่า 250 กิโลกรัม ผู้ต้องหา 3 คน ประกอบด้วย นายพลธวัช มะละ อายุ 20 ปี ชาวนครพนม นายวิศรุต ตราชัย อายุ 23 ปี ชาวนครพนม และนายจักรพัชร พุ่มพวง อายุ 27 ปี ชาวหนองคาย ขณะกลุ่มผู้ต้องหาลักลอบขนยาไอซ์ขึ้นรถไฟขบวนที่ 171 กรุงเทพฯ-สุไหงโก-ลก ขณะเข้าจอดที่สถานี ทั้ง 4 ได้ลงจากรถไฟทันที โดยทิ้งกระเป๋าเดินทาง 5 ใบไว้ ค้นกระเป๋าพบซองชาสีเขียวอัดอยู่เต็มกระเป๋า ตรวจสอบในซองชา เป็นยาไอซ์น้ำหนักรวม 250 กิโลกรัม ตามจับผู้ต้องหาได้ 3 คน ขณะเข้าพักในหอพักแห่งหนึ่งที่ จ.ราชบุรี ส่วนอีกคนหลบหนีไปได้
ซึ่งทางกองกำลังสุรศักดิ์มนตรีได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวในพื้นที่ว่านายสุริยันต์ฯ เป็น 1 ในผู้ต้องหา 1 ใน 4 คนที่ลำเลียงขนยาไอซ์ บนรถไฟและถูกเจ้าหน้าที่จับได้เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 61 ที่ผ่านมา ได้หลบหนีมาพักที่บ้านแม่ในพื้นที่ บ้านวังโพธิ์ หมู่ 8 ต.ไชยบุรี อ.ท่าอุเทน จึงได้วางแผนการร่วมกันจับกุมผู้ต้องหารายดังกล่าว
โดยเจ้าหน้าที่ได้บุกเข้าตรวจค้นบ้านเป้าหมายในช่วงรุ่งสาง ที่บ้านเลข 68 บ้านวังโพธิ์ หมู่ 8 ต.ไชยบุรี ได้ปิดล้อมบ้านหลังดังกล่าวพร้อมให้ให้ในบ้านเปิดประตูก่อนบุกจู่โจม ขณะที่นายสุริยันต์ กำลังนอนในบ้านยังไม่ลุกจากที่นอน พร้อมเข้าค้นตรวจสอบกระเป๋าเดินทางสามารถยึด โทรศัพท์ จำนวน 2 เครื่อง ซิมต่างประเทศ และได้นำตัวผู้ต้องมาสอบสวนที่ ที่ทำการทางยุทธวิธีกองกำลังสุรศักดิ์มาตรี กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 237 อย่างละเอียดอีกครั้ง
จากการสอบสวนนายสุริยันต์ฯ สารภาพว่าหลังจากกลุ่มเพื่อนที่ถูกจับได้ที่สถานีรถไฟ ตนเองได้นั่งรถกลับมาที่จังหวัดนครพนม อาศัยไปพักกับเพื่อนและคนรู้จักและได้หลบหนีข้ามไปฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน 2 สัปดาห์ เห็นว่าเรื่องเงียบลงและคิดถึงแม่ เมื่อวานจึงได้เดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านก่อนถูกเจ้าหน้าที่บุกจับกุมตัวได้เสียก่อน
ซึ่งจากการซักถามเจ้าตัวได้ให้การซัดทอดผู้บงการเบื้องหลัง ว่าเป็นคนในพื้นที่ อ.ท่าอุเทนฯ โดยเจ้าหน้าที่จะได้ขยายผลไปสู่การจับกุมและยึดทรัพย์สินตาม พรบ.มาตราการ ในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 เพื่อทำลายกลุ่มนักค้าเครือข่ายรายนี้ให้สิ้นซากต่อไป
ขอบพระคุณที่มาจาก
ข่าว/ภาพ ประทีป วชิระธัญญากุล สำนักข่าวทีนิวส์ นครพนม