ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนจะเริ่มพิธีได้มีชาวลาวและสายญาณพญานาคชายหญิงรวม 4 คน เดินทางมาจากกรุงเทพ ขณะนำเงินมาร่วมทำบุญยกขันเครื่องเซ่นพวงมาลัยเพื่ออธิษฐานจิตอยู่นั้น จู่ๆ ได้มีหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งเป็น 1 ในคณะที่เดินทางมาจากกรุงเทพ สวมใส่ชุดขาวมีผ้าพันคอสีเหลืองคล้องที่คอ สวมใส่เครื่องประดับเป็นแหวนพญานาค 3 วงที่นิ้วมือขวา ได้ชักดิ้นชักงอร้องเสียงดังลั่นเป็นภาษาจับใจความไม่ได้ คล้ายถูกผีเข้าสิง ก่อนเดินไปที่ลานหน้าองค์พ่อปู่พญานาค แล้วยกไม้ยกมือร้องเสียงหลงดังลั่นอีกครั้ง
จากนั้นหญิงที่คล้ายถูกผีเข้าสิง ได้เดินมาล้มลงที่หน้าโต๊ะเครื่องเซ่น ก่อนจะล้มพับเป็นลมไป โดยมีนางอรุณี กำลังงาม วัย 54 ปี ผู้ดูแลซุ้มบูชาดอกไม้ หิ้วปีกช่วยประคองตัวเอาไว้ ก่อนจะนำน้ำให้ดื่มแล้วตัวสั่นก่อนเป็นลมล้มพับไป ท่ามกลางความตกตะลึงของผู้มาร่วมพิธีจำนวนมาก
นางอรุณี ผู้ดูแลซุ้มบูชาดอกไม้ กล่าวว่า หญิงสาวที่คล้ายถูกผีเข้าสิงทราบชื่อคือ น.ส.มัลลิกา อยู่เย็น วัย 33 ปี ก่อนหน้านี้เคยมาร่วมพิธีบวงสรวงพ่อปู่พญานาคทุกครั้ง หากครั้งไหนไม่ได้มาก็มักจะบ่นว่ามีอาการปวดหัวตัวสั่น คาดว่าขณะคล้ายมีอาการถูกผีเข้าสิง เชื่อว่าพ่อปู่พญานาคมาประทับร่างทรงโดยไม่รู้ตัว คาดว่าองค์ปู่พญานาคอาจมาสื่อสารแสดงความดีใจที่มีลูกหลานสายญาณพญานาค เดินทางมาร่วมกราบไหว้และบวงสรวง ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่ ก็แล้วแต่ความเชื่อของแต่ละบุคคล คงห้ามเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันไม่ได้
หลังจาก น.ส.มัลลิกา ฟื้นคืนสติผู้สื่อข่าวได้ถามว่า ขณะคล้ายถูกปู่พญานาคเข้าสิงได้สติหรือไม่ น.ส.มัลลิกา ระบุว่าไม่ได้สติ แต่มีอาการหอบเหนื่อย หากครั้งไหนไม่เดินทางมาร่วมพิธีก็จะปวดหัวตัวร้อน คล้ายกับว่าพ่อปู่พญานาคไปชักชวนให้มาร่วมพิธีศักดิ์สิทธิ์ตลอด 5 ครั้งที่ผ่านมา และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 6 แล้ว แต่เพิ่งจะมีอาการประหลาดๆ เช่นนี้เป็นครั้งแรก
ขณะเดียวกันผู้ดุแลซุ้มบูชาดอกไม้อีกราย ระบุว่า ขณะจะเดินไปทำความสะอาดปัดกวาดลานพญานาค ในช่วงเช้าวัดเดียวกัน ได้พบเห็นตัวเลข 31, 13 และ 52, 25 ในหมอนสีทองหน้าบริเวณที่เซ่นไหว้
ขอบพระคุณที่มาจากข่าวสด